|
ตะไคร้ |
ชื่ออื่นๆ: |
ตะไคร้แกง (ภาคกลาง) จะไคร้ (ภาคเหนือ) ไคร (ภาคใต้) ข่าหอม (แม่ฮ่องสอน) หัวสิงโต (ปราจีนบุรี) |
ชื่อสามัญ: |
Lemon grass, Lapine, West Indian lemongrass, Sweet rush |
ชื่อวิทยาศาสตร์: |
Cymbopogon citratus Stapf. |
วงศ์: |
POACEAE (GRAMINEAE) |
ถิ่นกำเนิด: |
ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยเรามาตั้งแต่อดีตแล้ว ทั้งนี้เพราะตะไคร้เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเขตร้อนของทวีปเอเชีย เช่น ไทย พม่า ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น และยังสามารถพบได้ในประเทศเขตร้อนบางประเทศในแถบอเมริกาใต้เช่นกัน ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้าและสามารถแบ่งออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค และตะไคร้หางสิงห์ |
ลักษณะพฤกษศาสตร์: |
เป็นพืชล้มลุก ในวงศ์หญ้า (POACEAE) ความสูงประมาณ 4-6 ฟุต ใบยาวเรียว ปลายใบมีขนหนาม ลำต้นรวมกันเป็นกอ มีกลิ่นหอม เป็นช่อยาวมีดอกเล็กฝอยเป็นจำนวนมาก ตะไคร้เป็นพืชที่สามารถนำส่วนต้นหัวไปประกอบอาหาร และจัดเป็นพืชสมุนไพรด้วย |
สรรพคุณด้านสมุนไพร: |
 |
บำรุงไตและขับปัสสาวะ ตะไคร้มีสรรพคุณช่วยบำรุงไตให้แข็งแรง ช่วยให้ไตทำงานได้ดี อีกทั้งยังช่วยในการชำระล้างและกำจัดของเสียที่เป็นอันตรายออกจากร่างกาย |
 |
บรรเทาอาการปวดและการอักเสบ ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดและการอักเสบจากโรคไขข้อ ช่วยลดอาการบวมอักเสบ ลดอาการปวดเมื่อย แก้เคล็ดขัดยอก |
 |
แก้อาการนอนไม่หลับ ชาตะไคร้ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากความเมื่อยล้าและยังช่วยบำรุงเส้นประสาทจึงทำให้นอนหลับสบายขึ้น |
 |
ไล่แมลง ตะไคร้หอมเป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยมากกว่าตะไคร้บ้าน มีกลิ่นหอมตรงระหว่างใบกับกาบ สามารถใช้เป็นยาทาไล่ยุง ไล่แมลง และยังไม่เป็นพิษต่อคนอีกด้วย โดยทุบตะไคร้หอมพอหยาบๆ 4-5 ต้น แล้วนำไปวางตามมุมอับกลิ่น น้ำมันที่ระเหยออกของตะไคร้หอมจะช่วยไล่ยุง |
 |
แก้หวัด ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้หวัดได้ดี เนื่องจากมีประโยชน์ในการลดไข้ บรรเทาอาการหวัด ซึ่งมีการใช้อย่างกว้างขวางในการบรรเทาอาการหวัดโดยจะช่วยขับเหงื่อ |
 |
รักษาโรคเบาหวาน ตะไคร้ได้รับการวิจัยแล้วว่ามีส่วนช่วยรักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ตะไคร้จะช่วยรักษาระดับอินซูลินในระดับที่เหมาะสมและเพิ่มความทนทานต่อกลูโคสของร่างกาย |
 |
บำรุงระบบประสาทและสมอง ตะไคร้เป็นยาบำรุงระบบประสาทชั้นดี บรรเทาความเครียด ช่วยคลายความวิตกกังวลและความเหนื่อยล้าที่เกิดจากความเครียด |
 |
ลดคอเลสเตอรอล ตะไคร้มีสรรพคุณป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง โดยจะช่วยรักษาระดับไตรกลีเซอไรด์และลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด |
 |
แก้เวียนศีรษะ หน้ามืด ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะ โดยทุบตะไคร้พอหยาบๆ 4-5 ต้น เพื่อให้ได้กลิ่นแล้วนำไปสูดดมกลิ่นที่ระเหยออกมาของตะไคร้จะช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ |
|
ข้อมูลอื่นๆ: |
การขยายพันธุ์ตะไคร้ ตะไคร้สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการปักชำต้นเหง้า โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคนประมาณหนึ่งคืบ นำมาปักชำไว้สักหนึ่งสัปดาห์ก็จะมีรากงอกออกมา แล้วนำไปลงแปลงดินที่เตรียมไว้ สำหรับวิธีการปลูกตะไคร้มีดังนี้ |
- |
การเตรียมดิน ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย ให้ไถพลิกดินและไถพรวนลึกประมาณ 0.5 เมตร แล้วทำหลุม แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 0.5 เมตร |
- |
ปลูกหลุมละ 3 ต้น กลบดินให้พอมิดรากตะไคร้ประมาณ 10 เซนติเมตร |
- |
ช่วงแรกรดน้ำทุกวัน แต่ระวังอย่าให้น้ำเข้าไส้ตะไคร้เวลารดน้ำให้รดทีโคนต้นตะไคร้เท่านั้น มิฉะนั้นต้นตะไคร้จะเน่า ห้ามใช้สปริงเกอร์เป็นอันขาดต้องให้น้ำที่โคนเท่านั้น |
- |
ในช่วง 3 วันแรกที่ปลูกให้พรางแสงแดดให้ตะไคร้ด้วย หลังจากตะไคร้ปรับตัวได้แล้วให้เอาวัสดุพรางแสงออกเพราะธรรมชาติของตะไคร้ชอบแดด และเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงจ้า |
- |
เมื่อผ่านไป 1 เดือนตะไคร้จะเริ่มตั้งกอ ให้สังเกตที่ต้น ถ้าต้นเจริญเติบโตดี ลำต้นจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5-2 เซนติเมตรก็สามารถตัดไปใช้หรือขายได้ การตัดตะไคร้ให้ตัดติดกอ แต่อย่าให้สะเทือนรากที่อยู่ในดินเพราะตะไคร้สามารถแตกขึ้นมาตั้งกอได้อีก ไม่ต้องหาต้นพันธุ์มาปลูกใหม่แทน |
- |
เมื่อตัดควรตัดให้หมดกอ เพื่อต้นตะไคร้ที่แตกใหม่จะได้เติบโตได้เต็มที่ |
- |
หลังจากตัดแล้วตะไคร้จะตั้งกอใหม่ภายในเวลา 1-2 เดือนเมื่อตะไคร้โตเต็มที่แล้วก็สามารถตัดได้อีกเรื่อยไปจนกว่าต้นจะโทรม หรือตะไคร้ไม่แตกขึ้นมาอีก |
- |
ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย แต่ก็สามารถเจริญได้ในดินแทบทุกชนิด เป็นพืชที่ดูแลง่ายชอบน้ำชอบแดดจ้า เป็นพืชทนแล้งได้ดี และเป็นพืชที่มีโรคน้อย ศัตรูพืชก็ไม่ค่อยมี (น่าจะเกิดจากการที่ตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหย ตะไคร้ในทุกๆ ส่วนจึงสามารถป้องกันจากแมลงต่างๆ ได้) |
คุณค่าทางโภชนาการของ ตะไคร้ 100 กรัม |
|
พลังงาน 99 กิโลแคลอรี |
คาร์โบไฮเดรต 25.31 กรัม |
วิตามินซี 2.6 มิลลิกรัม |
วิตามินบี1 0.065 มิลลิกรัม |
วิตามินบี2 0.135 มิลลิกรัม |
วิตามินบี3 1.101 มิลลิกรัม |
วิตามินบี6 0.080 มิลลิกรัม |
แคลเซียม 65 มิลลิกรัม |
โฟเลต 75 ไมโครกรัม |
ธาตุเหล็ก 8.17 มิลลิกรัม |
ทองแดง 0.266 มิลลิกรัม |
แมกนีเซียม 60 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม 723 มิลลิกรัม |
สังกะสี 2.23 มิลลิกรัม |
|
อ้างอิงจาก USDA National Nutrient data base |
|
|
เอกสารอ้างอิง: |
|
รวบรวมโดย: |
นพพล เกตุประสาท (087-166-5251) หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม |
|