|
เสาวรส |
ชื่ออื่นๆ: |
กะทกรก กะทกรกยักษ์ แพสเสี้ยนฟรุท สุคนธรส |
ชื่อสามัญ: |
Jamica honey-suckle, Passion flower, Passion fruit, Water lemon, Yellow granadilia |
ชื่อวิทยาศาสตร์: |
Passiflora laurifolia Linn. |
วงศ์: |
PASSIFLORACEAE |
ถิ่นกำเนิด: |
อเมริกาใต้ เข้ามาในเมืองไทยประมาณสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือก่อนหน้านั้น |
ลักษณะทั่วไป: |
เป็นไม้เลื้อย ลำต้นค่อนข้างใหญ่ เกาะเกี่ยวเลื้อยพันโดยใช้มือจับ อายุหลายปี |
ฤดูการออกดอก: |
ออกดอกตลอดปี |
เวลาที่ดอกหอม: |
หอมตลอดวัน หอมมากช่วงอากาศเย็น |
การขยายพันธุ์: |
|
การเพาะเมล็ด น่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะว่ามีระบบรากแก้วที่แข็งแรง แต่ก็มีข้อเสียอยู่ที่อาจมีการกลายพันธุ์ได้ แต่อย่าเพิ่งตกใจ การกลายพันธุ์มีทั้งสองทางก็คือ |
|
ในทางดี |
อาจได้ลักษณะแปลกๆ ใหม่ๆ ที่เราชอบขึ้นมาก็ได้นะครับใครจะรู้ (ว่างๆ ลองทำดู) แต่ที่แน่ๆ ก็คือระบบรากดีกว่าการขยายพันธุ์โดยการตอนหรือปักชำแน่นอนครับ |
ในทางร้าย |
อาจจะพบว่ามีดอกขนาดเล็ก ลำต้นแคระแกร็น |
|
|
ปักชำ |
|
ข้อดีของพันธุ์ไม้: |
|
ดอกหอม |
|
ผลรับประทานได้ |
|
สามารถปลูกขึ้นซุ้มเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนได้ มีแสงส่องรอดได้บางส่วนดูเป็นซุ้มธรรมชาติดี |
|
ข้อแนะนำ: |
|
เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้โตเร็ว ขยายพันธุ์ได้ง่าย หาซื้อได้ไม่ยาก ปลูกเพียง 1 ต้นก็เพียงพอ |
|
หากต้องการชมความสวยงามของดอก เมื่อดอกโรยและเริ่มติดผลควรเด็ดผลทิ้งให้หมด จะช่วยให้ออกดอกเร็วขึ้น แต่โดยธรรมชาติแล้วพันธุ์ไม้ชนิดนี้ปลูกเพื่อต้องการผลผลิตมากกว่าเพื่อชมความงามของดอก |
|
ในสภาพการปลูกในสวนไม้หอมของศูนย์ปฏิบัติการวิจัยฯ มีการเข้าทำลายของเพลี้ยไฟบ้าง ทำให้ใบบิดงอไม่สวยงาม ผู้ที่ปลูกเสาวรสควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการปลูกด้วยว่าต้องการอะไร หากต้องการให้ใบสวยงามเหมือนตอนที่ซื้อมาก็ควรใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัด หากต้องการเพื่อความปลอดภัยแก่ตัวเราเอง ผู้รวบรวมขอแนะนำว่า ไม่ควรใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ หากมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดจริงๆ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่ใช้สารเคมีอย่างน้อย 2 - 3 วัน เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง ที่สวนไม้หอมฯ ยังไม่ใช้เลยครับ ใบบิดงอมานานเหมือนกันแต่ยังพอออกดอกให้ชมได้บ้าง แต่ไม่ติดผลนะครับ |
|
หากต้องการทั้งสองอย่างคือ ทั้งให้ดอกและให้ผล การใช้สารเคมีและปุ๋ยมีความจำเป็นสำหรับพันธุ์ไม้ชนิดนี้ |
|
ข้อมูลอื่นๆ: |
|
ที่สันนิษฐานว่าเข้ามาในสมัยกรุงศรีอยุธยาหรือก่อนหน้านั้นก็เพราะว่า มีข้อมูลในเรื่องพระอภัยมณี มีข้อความตอนหนึ่งว่า |
|
ทั้งสายหยุดพุดแซมแกมยี่สุ่น |
พิกันพิกุลโรยร่วงพวงเกสร |
เสาวรสรสสุคนธ์ปนขจร |
ต้นรักซ้อนซ่อนกลิ่นระรินโรย |
|
|
ผลแก่จัด รับประทานเนื้อ ทำน้ำผลไม้ เมล็ดใส่ไอศกรีม น้ำเสาวรสใช้แต่งกลิ่นและรสไอศกรีม เยลลี่ ลูกกวาด ขนมเค้ก ไวน์ |
|
คุณค่าทางโภชนาการ กะทกรกฝรั่ง มีกรดอินทรีย์หลายชนิด วิตามินซี น้ำตาล และสารอื่นๆ |
|
มาทำน้ำเสาวรสกัน มีส่วนผสมดังต่อไปนี้ |
|
1. เสาวรสสุก 2 - 3 ผล |
2. น้ำต้มสุก 2 ถ้วย |
3. น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย |
4. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ |
5. น้ำแข็งบด 1 ถ้วย |
|
|
|
วิธีทำ |
นำผลเสาวรสสุกล้างให้สะอาด ผ่า 2 ซีก ใช้ช้อนๆ เมล็ดและส่วนที่เป็นน้ำสีส้มๆ ออกให้หมด จากเนื้อผล เติมน้ำสุก คั้นกรองด้วยกระชอนกับผ้าขาวบาง เพื่อแยกเอาเมล็ดและเส้นใยออก เติมน้ำเชื่อม เกลือป่น ชิมรสตามชอบ เวลาดื่มเติมน้ำแข็งบดละเอียด |
|
น้ำคั้นจากเนื้อซึ่งส่วนนี้มีกลิ่นหอมและมีกรดมาก ใช้ผสมเป็นเครื่องดื่ม หรือใช้ผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่น เช่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำสัปปะรด น้ำพีช เป็นต้น โดยอัตราการผสมน้ำเสาวรส ประมาณ 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่ดี ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เพราะนอกจากทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นและรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงอีกด้วย และน้ำเสาวรสยังสามารถนำไปใช้แต่งกลิ่นและรสชาติของไอศกรีม ขนมเค้ก เยลลี่ เชอร์เบท พาย ลูกกวาด และไวน์ |
|
|
พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทยมี 3 พันธุ์ คือ |
|
1. พันธุ์ผลสีม่วง |
เมื่อผลสุกจะมีสีม่วงเข้มผิวเป็นมัน น้ำจากพันธุ์ผลสีม่วงมีรสชาติดีกว่าพันธุ์ผลสีเหลือง มีกรดต่ำสีสวยและหวาน จึงเหมาะสำหรับรับประทานผลสด ข้อเสียของพันธุ์นี้คือ ค่อนข้างจะอ่อนแอต่อโรค |
2. พันธุ์ผลสีเหลือง |
เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองขมิ้น ผิวเป็นมัน น้ำคั้นของพันธุ์นี้มีกรดมาก ซึ่งมี pH ต่ำกว่า 3 เหมาะสำหรับส่งเข้าโรงงานเพื่อแปรรูปมากกว่าการรับประทานผลสด ข้อดีของพันธุ์นี้คือ ให้ผลดก และมีความต้านทานโรคและแมลงสูงกว่าพันธุ์ผลสีม่วง |
3. พันธุ์ลูกผสม |
เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ผลสีม่วงกับพันธุ์ผลสีเหลือง เพื่อคัดเลือกต้นพันธุ์ใหม่ที่รวมลักษณะผลที่เด่นของแต่ละพันธุ์ไว้ ทำให้มีลักษณะผลใหญ่ ให้ผลดก มีรกห่อหุ้ม เมล็ดมาก เปลือกบาง ต้านทานโรค และมีช่วงเวลาในการให้ผลที่ยาวนาน พันธุ์นี้จะให้ทั้งผลที่มีสีม่วงและผลสีเหลือง พันธุ์ลูกผสมนี้เหมาะสำหรับปลูกเพื่ออุตสาหกรรมการทำน้ำเสาวรส เพราะสามารถเก็บผลผลิตป้อนเข้าโรงงานได้ตลอดทั้งปี |
|
|
พบสาร albumin-homologous protein จากเมล็ดของผลเสาวรส ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ |
|
เอกสารอ้างอิง: |
|
รวบรวมโดย: |
นพพล เกตุประสาท หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม |
|