|
ตะลุมพุก |
ชื่ออื่นๆ: |
ตะลุมพุก Talum phuk, กระลำพุก Kralam phuk, มะคังขาว Ma khang khao (Central, Southwestern); มอกน้ำข้าว Mok nam khao, มะข้าว Ma khao (Northern); มะคัง Ma khang (Uttaradit); ลุบปุ๊ก Lup puk (Northeastern0; ลุมพุก Lum phuk (Lop Buri) |
ชื่อสามัญ: |
• Divine Jasmine: Tamilnadia • Marathi: Kalaphendra • Tamil: Wagatta, Kalikarai • Malayalam: Pindichakka, Malankara • Telugu: Kuka-elka |
ชื่อวิทยาศาสตร์: |
Tamilnadia uliginosa (Retz.) Tirveng. & Sastre
Homotypic Synonyms: Gardenia uliginosa Retz., Observ. Bot. 2: 14 (1781). Randia uliginosa (Retz.) Poir. in J.B.A.M.de Lamarck, Encycl., Suppl. 2: 829 (1812). Posoqueria uliginosa (Retz.) Roxb., Fl. Ind. 2: 563 (1824). Solena uliginosa (Retz.) D.Dietr., Syn. Pl. 1: 799 (1839). Xeromphis uliginosa (Retz.) Maheshw., Bull. Bot. Soc. Univ. Saugar 10: 39 (1958 publ. 1961). Tamilnadia uliginosa (Retz.) Tirveng. & Sastre, Mauritius Inst. Bull. 8(4): 85 (1979). |
วงศ์: |
RUBIACEAE subfamily: Ixoroideae |
ถิ่นกำเนิด: |
ไทย บังคลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา เวียดนาม |
ลักษณะทั่วไป: |
ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก พุ่มโปร่ง รูปทรงไม่แน่นอน สูงประมาณ 5-10 ม. ลำต้นมีหนามแหลมยาว เปลือกสีน้ำตาลหรือน้ำตาลดำ ใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม |
ฤดูการออกดอก: |
ก.ค. - ส.ค. ติดผล |
การขยายพันธุ์: |
 |
เพาะเมล็ด |
|
ข้อดีของพันธุ์ไม้: |
 |
เป็นพันธุ์ไม้ป่า มีความอดทนต่อสภาพแวดล้อม |
 |
ไม่มีโรคแลแมลงรบกวน |
|
ข้อแนะนำ: |
 |
เป็นพันธุ์ไม้ที่รูปทรงไม่แน่นอน ลำต้นไม่ตรง แต่สามารถ ดัด ตัดแต่งได้ไม่ยาก |
 |
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีหนามขนาดใหญ่ ต้องระมัดระวังในการปลูกและดูแลรักษา |
|
ข้อมูลอื่นๆ: |
 |
สรรพคุณ เป็นยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี |
 |
รากและแก่น ต้มน้ำดื่ม เข้ายาแก้ปวดเมื่อย ช่วยบำรุงเลือด แก่น ผสมแก่นมะคังแดง ต้มน้ำดื่ม บำรุงกำลัง |
 |
ผลและราก รสฝาดสุขุม แก้ท้องเสีย แก้บิดมูกเลือด |
 |
ตำรายาไทย ใช้ ผลและราก รสฝาดสุขุม แก้ท้องเสีย แก้บิดมูกเลือด แก้อติสาร |
|
หมายเหตุ: |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ |
ลำต้น |
ลำต้นเป็นไม้พุ่มถึงไม้ยืนต้น ผลัดใบ ขนาดเล็ก สูง 5-10 ม. ตามปลายกิ่งก้านและลำต้นมีหนามแหลมยาว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ เป็นปมขรุขระทั่วไป เปลือกต้นมีสีน้ำตาลเข้ม เนื้อไม้สีขาวปนน้ำตาลอ่อน ละเอียด สม่ำเสมอมาก (นิยมใช้แกะสลัก) กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยมมน |
ใบ |
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม สีเขียวอ่อน รูปไข่กลับ กว้าง 5-10 ซม. ยาว 8-14 ซม. มีหูใบเล็กๆ อยู่ระหว่างก้านใบ ผิวใบเรียบ ปลายใบมน โคนใบสอบแหลม ขอบใบเรียบ หลังใบเรียบเป็นมันลื่น ท้องใบเรียบ เนื้อใบบาง ฉีกขาดง่าย ก้านใบยาวไม่เกิน 1 ซม. แผ่นใบมีขนประปรายปกคลุมด้านล่าง |
ดอก |
ออกที่ซอกใบ ใกล้ปลายยอด กลีบดอกทรงกลมใหญ่ สีขาว มี 5 กลีบ มีกลิ่นหอม โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ปลายกลีบดอกมน กลีบดอกค่อนข้างหนา หลอดกลีบยาวกว่ากลีบดอก ยอดเกสรตัวเมียมีน้ำเมือกค่อนข้างมาก กลีบดอกสีขาว กลิ่นหอม เกสรตัวผู้มี 5 อัน อับเรณูสีเหลือง เกสรตัวเมียมี 1 อัน ก้านเกสรสีขาว ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉก ปลายเกสรเพศเมียรูปถ้วย กลีบเลี้ยงสีขาวมี 5 กลีบ โคนเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก |
ผล |
ผลเดี่ยว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-5 ซม. ผลสด รูปไข่ กลมรี ยาว 4-6 ซม. เนื้อแน่น แข็ง ผิวผลเรียบ ผลสดสีเขียว เมื่อสุกสีเหลือง ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่ เมล็ดรูปทรงกลมจำนวนมาก เมล็ดมักฝ่อ พบขึ้นตามริมน้ำ ในป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง |
|
เอกสารอ้างอิง: |
|
รวบรวมโดย: |
นพพล เกตุประสาท หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม |
|