|
โมกแคระ |
ชื่อวิทยาศาสตร์: |
Wrightia religiosa Benth. "variegata". |
วงศ์: |
APOCYNACEAE |
ถิ่นกำเนิด: |
ประเทศไทย |
ลักษณะทั่วไป: |
ไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็ก สูงประมาณ 2 - 3 ม. แตกกิ่งก้านสาขามากไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่ทรงพุ่มค่อนข้างกลม |
ฤดูการออกดอก: |
ออกดอกตลอดปี (ออกดอกมากช่วงปลายฤดูฝน - ต้นฤดูหนาว) |
เวลาที่ดอกหอม: |
ช่วงเย็น - เช้า |
การขยายพันธุ์: |
|
การเสียบยอด โดยใช้โมกมันเป็นต้นตอ พบได้ทั่วไป |
|
ข้อดีของพันธุ์ไม้: |
|
ควบคุมการออกดอกได้ด้วยการควบคุมการให้น้ำและปุ๋ยที่เหมาะสม |
|
มีใบสวยงาม ดอกหอม |
|
มีขนาดของดอกเล็กมาก แต่มีความหอมแรง (เมื่อเทียบกับพันธุ์ไม้หอมที่มีดอกเท่ากัน) |
|
ข้อแนะนำ: |
|
การตัดแต่งทรงพุ่มไม่มีความจำเป็นสำหรับพันธุ์ไม้หอมชนิดนี้ |
|
มีข้อจำกัดเรื่องความแข็งแรงของลำต้น ลำต้นอาจหักเสียหายได้หากมีลมแรง |
|
ข้อมูลอื่นๆ: |
|
พันธุ์ไม้ในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะชอบพื้นที่ที่ไม่มีน้ำท่วมขัง |
|
ยาง ใช้แก้โรคบิดที่มีอาการเลือดออก ใช้แก้พิษงูและแมลงกัดต่อย |
|
ราก รักษาโรคเรื้อน |
|
มีความเชื่อว่า "โมก" จะทำให้เกิดความสุข บริสุทธิ์ สดใส คุ้มกันภัยราศีพฤษภ (15 พ.ค. - 14 มิ.ย.) ชาวพฤษภ เป็นผู้ที่มีความตั้งใจในการทำงานสูง มีความจริงใจ ใจกว้าง มีชีวิตที่ไม่โลดโผน |
|
หมายเหตุ: |
|
เป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบอยู่กลางแจ้ง การปลูกโมกในที่มีแสงแดดไม่เพียงพอ จะทำให้ต้นสูงชะลูดและไม่ค่อยออกดอก |
|
เอกสารอ้างอิง: |
1. |
Uamporn Veesommai and Thaya Janjittikul. Plant Materials in Thailand in 2001. 640 p. (336) |
|
รวบรวมโดย: |
นพพล เกตุประสาท หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม |
|