|
กระดังงาสงขลา |
ชื่ออื่นๆ: |
กระดังงาสาขา กระดังงาเบา (ภาคใต้) กระดังงอ (มาเลย์-ยะลา) |
ชื่อสามัญ: |
Ka-dung-nga-song-kla, Dwarf Ylang-Ylang |
ชื่อวิทยาศาสตร์: |
Cananga odorata (Lam.) Hook. f. & Th. var. fruticosum (Craib) J. Sinclair. ชื่อพ้อง 1. Canangium fruticosum Craib 2. Canangium odoratum var. fruticosum (Craib) Corner |
วงศ์: |
ANNONACEAE |
ถิ่นกำเนิด: |
บ้านจะโหน่ง อ. จะนะ จ. สงขลา |
ลักษณะทั่วไป: |
ไม้พุ่มขนาดเล็ก พุ่มโปร่ง |
ฤดูการออกดอก: |
ออกดอกตลอดปี |
เวลาที่ดอกหอม: |
หอมอ่อนๆ ตอนเช้าและตอนเย็น |
การขยายพันธุ์: |
|
การตอนกิ่ง สามารถทำได้แต่ไม่ค่อยนิยม เนื่องจากิ่งเปราะ หักง่าย การเพาะเมล็ดทำได้ง่ายกว่า การขยายพันธุ์ไม้หอมชนิดนี้ควรใช้ฮอร์โมนช่วยเนื่องจากการออกรากไม่ง่ายนัก ฤดูกาลที่เหมาะสมกับการขยายพันธุ์คือช่วงฤดูฝน ประมาณต้นเดือนมิถุนายน |
|
การเพาะเมล็ด เป็นที่นิยมกันมาก เพราะสะดวกในการปฏิบัติงานและสามารถทำได้ครั้งละมากๆ แต่ก็มีข้อเสียอยู่นิดหนึ่งก็คือ พันธุ์ไม้หอมชนิดนี้ไม่ค่อยติดผลเท่าไรนัก |
|
ข้อดีของพันธุ์ไม้: |
|
ดอกมีกลิ่นหอมแรง |
|
การปลูกและดูแลรักษาทำได้ง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน |
|
มีการออกดอกสม่ำเสมอเกือบตลอดทั้งปีหากมีการดูแลรักษาที่ดี |
|
ต้องการพื้นที่ในการปลูกไม่มากเพียง 2 - 4 ตรม. ก็เพียงพอ (ข้อมูลจากการปลูกที่สวนไม้หอมของศูนย์ปฏิบัติการวิจัยฯ พบว่าต้นที่มีการปลูกมาแล้ว 4 - 5 ปีมีขนาดทรงพุ่มเพียง 1.5 ม. เท่านั้น) |
|
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีราคาไม่แพงและให้ดอกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากชนิดหนึ่ง เหมาะกับผู้ที่เริ่มปลูกพันธุ์ไม้หอมใหม่ไม่ควรมองข้าม |
|
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ตอบสนองกับการใส่ปุ๋ย ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง |
|
ข้อแนะนำ: |
|
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ต้องการพื้นที่ในการปลูกน้อยแต่ต้องได้รับแสงแดดจัดตลอดวัน การปลูกในที่มีร่มเงาจะมีผลต่อการติดดอก |
|
กระดังงาสงขลาที่ได้จาการเพาะเมล็ดเมื่อปลูกจะเจริญเติบโตดี แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าต้นที่ได้จาการตอน แต่การออกดอกจะช้ากว่าต้นที่ได้จาการตอน |
|
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีความต้องการน้ำค่อนข้างมากตามสภาพการกำเนิด (พันธุ์ไม้ที่เกิดหรือเจริญเติบโตได้ดีในภาคใต้ของประเทศไทยเรา ส่วนใหญ่มีความต้องการน้ำและความชื้นสูงในการเจริญเติบโต) |
|
ข้อมูลอื่นๆ: |
|
พบครั้งแรกที่ บ้านจะโหน่ง อ. จะนะ จ. สงขลา |
|
เนื้อไม้และใบ ทำบุหงา อบร่ำ ทำน้ำหอม |
|
เนื้อไม้ รสขมเฝื่อน ขับปัสสาวะพิการ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ |
|
ต้น กิ่ง ก้าน เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ |
|
ดอก บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ บำรุงเลือด แก้ไข้ แก้อ่อนเพลีย วิงเวียน จุกเสียด |
|
ราก คุมกำเนิด |
|
ดอกไม้ชนิดนี้มีสองสี คือสีเขียวอ่อน และสีเหลือง สีเขียวอ่อนไม่ต้องพยายามดมนะครับ ถึงดมอย่างไรก็ไม่หอม ไม่ต้องตกใจที่ไม่หอมเพราะว่าดอกสีเขียวอ่อนเป็นดอกที่ยังอ่อนอยู่ ดอกที่มีสีเหลืองจึงจะหอม และที่สำคัญในช่วงกลางวันดอกไม้ชนิดนี้จะไม่ส่งกลิ่นหอมมากนักโดยเฉพาะช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูง |
|
หมายเหตุ: |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ |
ลำต้น |
ไม้พุ่ม สูงได้ประมาณ 3 ม. แตกกิ่งจำนวนมาก |
ใบ |
ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีหรือรูปขอบขนาน เบี้ยวเล็กน้อย ยาวได้ประมาณ 14 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่ม ก้านใบยาว 1-2.5 ซม. |
ดอก |
ดอกออกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อกระจุกสั้นๆ ตามซอกใบหรือตรงข้ามใบ ก้านดอกยาว 3-6 ซม. กลีบเลี้ยง 3 กลีบ สีเขียวอ่อน รูปสามเหลี่ยม ปลายแหลม ยาว 0.7-1.2 ซม. มีขนละเอียดด้านนอก กลีบดอก 6 กลีบ เรียง 2 ชั้น หรือมีหลายกลีบ เรียงหลายชั้น กลีบรูปแถบ ยาว 5-9 ซม. สีเขียวอ่อน เปลี่ยนเป็นสีเหลือง |
ผล |
ผลกลุ่ม ผลย่อยมี 8-10 ผล รูปรี ยาวประมาณ 1.5 ซม. |
|
เอกสารอ้างอิง: |
1. |
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. สมุนไพรสวนสิริรุกขชาติ บริษัท บุญรอดบริเวอรรี่ จำกัด 2535. |
2. |
ดร. วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. พจนานุกรมไม้ดอกไม้ประดับ 2542 หน้า (10) |
3. |
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น 2546. 1,488 หน้า. (31) |
4. |
BGO Plant Database, The Botanical Garden Organization, Ministry of Environment and Natural Resources, Thailand |
5. |
Tem Samitinand. Thai Plant Names. Revised Edition 2001. 810 p. (102) |
6. |
The Encyclopedia of Plants in Thailand (สารานุกรมพืชในประเทศไทย) |
|
รวบรวมโดย: |
นพพล เกตุประสาท และไพร มัทธวรัตน์ หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม |
|