ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง
Central Laboratory and Greenhouse Complex
ทรัพยากรพืชพรรณฯ
 
รวงผึ้ง
 
รวงผึ้ง
ชื่ออื่นๆ: ดอกน้ำผึ้ง (เหนือ) น้ำผึ้ง (กรุงเทพ)
ชื่อสามัญ: Yellow star
ชื่อวิทยาศาสตร์: Schoutenia glomerata king subsp. Paregrina (Craib) Roekm. Et Martono
วงศ์: Tiliaceae
ถิ่นกำเนิด: ประเทศไทย (พบมากทางภาคเหนือ)
ลักษณะทั่วไป: ไม้ยืนต้นขนาดกลาง - ใหญ่ หากอยู่กลางแจ้งจะเป็นพุ่มกลมขนาดใหญ่
ฤดูการออกดอก: ออกดอกประมาณเดือน ธ.ค. - ก.พ. (ในกรณีที่ได้รับน้ำตามธรรมชาติเท่านั้น)
เวลาที่ดอกหอม: หอมอ่อนตลอดวัน (7 - 10 วัน)
การขยายพันธุ์:
การตอน เป็นวิธีการที่เหมาะสม ที่สวนไม้หอมฯ ได้ทำการทดลองแล้วมีความจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนในการเร่งรากจึงจะได้ผลดีในการขยายพันธุ์
ข้อดีของพันธุ์ไม้:
ออกดอกครั้งละมากๆ (เต็มต้น) เมื่อดินแห้งตามธรรมชาติ
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่มีช่วงการปลูกกว้าง สามารถขึ้นได้ดีทั้งที่แห้งแล้งและที่ค่อนข้างชื้น
เป็นพันธุ์ไม้ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ไม่ต้องการการดูแลมาก ใบไม่ค่อยร่วง
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีระบบรากดีมาก ไม่มีการหักโค่นของต้นขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเป็นกิ่งที่ได้จากการตอน
ข้อแนะนำ:
เนื่องจากมีการออกดอกครั้งละมากๆ และมีผึ้งตอมเป็นจำนวนมาก ผึ้งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ปลูก
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ออกดอกในระยะสั้นเพียง 7 - 10 วัน/ครั้ง/ปี เท่านั้น
ในพื้นที่ที่มีน้ำมาก รวงผึ้งจะไม่ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น
การเลือกต้นรวงผึ้งที่ถูกต้อง ควรเป็นกิ่งกระโดงที่ตรง จะทำให้การเจริญเติบโตดี ทรงต้นสวยงามกว่ากิ่งที่ตอนมาจากส่วนอื่นๆ ของต้น
ผู้ที่สนใจจะอนุรักษ์ ควรปลูกไว้สัก 1 คน ในอนาคตอาจทำเงินตอบแทนผู้ปลูกได้
ข้อมูลอื่นๆ:
เป็นพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเริ่มออกดอกให้ชม
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่เริ่มลดน้อยลงเนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกช้า ช่วงการออกดอกไม่นาน และต้องใช้พื้นที่ในการปลูกมากๆ ไม่ค่อยตรงกับนิสัยคนไทยมากนัก หากไม่ชอบรวงผึ้งจริงๆ ก็ไม่ควรปลูก จะได้ไม่เสียเวลาเปล่า
ต้นรวงผึ้ง เป็นต้นไม้ประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 เนื่องด้วยดอกรวงผึ้งมีสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ และผลิดอกช่วงวันพระราชสมภพพอดี เมื่อพระองค์เสด็จฯ กอปรพระราชกรณียกิจตามสถานที่ต่างๆ ก็จะทรงปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทานไว้ เพื่อเป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่านและเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร
เอกสารอ้างอิง:
1. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.  -- กรุงเทพ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น.  2546. 1,488 หน้า (925)
2. http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK22/chapter4/t22-4-l2.htm#sect9
3. Tem Samitinand.  Thai Plant Names.  Revised Edition 2001. 810 p. (422)
รวบรวมโดย: นพพล เกตุประสาท  และไพร มัทธวรัตน์
หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง
คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม