|
ผักตบไทย |
ชื่ออื่นๆ: |
ผักตบ ผักสิ้น (สงขลา) |
ชื่อสามัญ: |
Monochoria arrowleaf falsepickerel weed |
ชื่อวิทยาศาสตร์: |
Monochoria hastata (L.) Solms |
วงศ์: |
PONTEDERIACEAE |
ถิ่นกำเนิด: |
เขตร้อนของทวีปแอฟริกา |
ลักษณะทั่วไป: |
เป็นวัชพืชน้ำล้มลุกอายุหลายฤดู ลอยน้ำ ทรงพุ่มกลม โปร่ง ชอบขึ้นในน้ำตื้น ชอบหยั่งรากไปที่ผิวดินใต้น้ำ สูงประมาณ 50 – 100 ซม. |
ฤดูการออกดอก: |
ต้นฤดูฝน (ปลาย เม.ย. – พ.ค.) |
การขยายพันธุ์: |
|
แยกต้นอ่อนไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ |
|
เพาะเมล็ด |
|
การป้องกันและกำจัด: |
ผักตบไทย มีการแพร่กระจายในแหล่งน้ำทั่วไปที่มีน้ำตื่น การแพร่ระบาดจึงมีไม่มากนัก การกำจัดโดยวิธีกลก็เพียงพอแล้ว |
ข้อดีของพันธุ์ไม้: |
ใช้เป็นไม้ประดับ ไม้สมุนไพร และอาหาร |
ข้อแนะนำ: |
ผักตบไทย ชอบอยู่บริเวณน้ำต้น ลองปลูกเป็นไม้ประดับ ไม้สมุนไพร และอาหาร มีประโยชน์มากกว่าโทษ |
ข้อมูลอื่นๆ: |
1. ประโยชน์ทางยา |
ผักตบไทย สรรพคุณ ขับพิษร้อน ขับปัสสาวะ หรือใช้ผสมกับผักกระเฉด ตำคั้นเอาน้ำรับประทานแก้พิษเบื่อเมา |
2. ประโยชน์ทางอาหาร |
ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาล ต้นอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อนของผักตบไทยเป็นผักออกในช่วงฤดูฝน ผักตบไทยสดจะนิ่มกรอบ รับประทานสดร่วมกับน้ำพริก น้ำพริกปลา ส้มตำ และยอดอ่อน ดอกอ่อนนำไปปรุงเป็นแกงส้ม แกงเลียง ผัดก็ได้ |
3. ประโยชน์ต่อสุขภาพ |
รสจืด ช่วยขับพิษร้อน ขับปัสสาวะกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีรายงานว่าผักสิ้น (จ. สงขลา) 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 9 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย - เส้นใย 0.7 กรัม - แคลเซียม 31 มิลลิกรัม - ฟอสฟอรัส 28 มิลลิกรัม - เหล็ก 0.1 มิลลิกรัม - เบต้าแคโรทีน 1,961 ไมโครกรัม - วิตามินเอ 324 ไมโครกรัมของเรตินนอล - วิตามินบีหนึ่ง 0.01 มิลลิกรัม - วิตามินบีสอง 0.30 มิลลิกรัม - ไนอาซิน 3.1 มิลลิกรัม - วิตามินซี 5 มิลลิกรัม |
|
เอกสารอ้างอิง: |
|
รวบรวมโดย: |
นพพล เกตุประสาท หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม |
|